“จับเดิมปูจ” หมายถึง พิธีลงแรกนาขวัญในการทำนาปักดำเป็นวัฒนธรรมข้าวของชาวนาในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ในหลายพื้นที่ เป็นการประกอบพิธีขึ้นเพื่อความเชื่อมั่นและอ้อนวอนต่อธรรมชาติและอำนาจเหนือธรรมชาติ ซึ่งมีความเชื่อกับการประกอบพิธีกรรมในการบวงสรวง เจ้าที่เจ้านาหรือผีไร่ผีนา ขอขมาต่อพระแม่โพสพจากการเหยียบย้ำในการทำนา เป็นการบอกให้ท่านทราบจะเริ่มปักดำช่วยดูแลรักษาข้าวให้เจริญงอกงาม อุดมสมบูรณ์ บันดาลฝนฟ้าตกตามฤดูกาล เพิ่มพูนผลผลิต ปกปักรักษาอย่าได้มีสิ่งใดมารบกวนให้เกิดความเสียหายต่อข้าวในนา
จับเดิมปูจ จิตวิญญาณแห่งผืนนา
ในขณะที่โลกหมุนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว วัฒนธรรมและประเพณีดั้งเดิมหลายอย่างกำลังถูกท้าทายจากกาลเวลาและความคิดของคนรุ่นใหม่ หนึ่งในนั้นคือ “จับเดิมปูจ” พิธีกรรมโบราณก่อนการทำนาซึ่งเป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษที่สะท้อนถึงความเชื่อ ความเคารพต่อธรรมชาติ และความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นในชุมชน แม้คนรุ่นใหม่อาจมองว่าเป็นเพียง “อุบายของคนรุ่นเก่า” หรือ “สิ่งไร้สาระ” แต่สำหรับผู้ที่สืบสาน พิธีกรรมนี้ยังคงมีความหมายลึกซึ้งและเป็นดั่งจิตวิญญาณของชาวนา
ความสำคัญและความเชื่อ: มากกว่าแค่การทำตามประเพณี
พิธีจับเดิมปูจไม่ใช่เป็นเพียงการทำตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา แต่ยังเป็นการแสดงความกตัญญูและระลึกถึงบุญคุณของพระแม่โพสพ ผู้เป็นเทพีแห่งข้าวและการเกษตรที่หล่อเลี้ยงทุกชีวิต นอกจากนี้ยังเป็นการเคารพบรรพบุรุษ ปู่ย่าตายายผู้ล่วงลับไปแล้ว และ “ตายาย” หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อว่าประจำอยู่ในที่นา ให้ได้รับรู้และได้รับเครื่องเซ่นไหว้
สำหรับชาวนา พิธีนี้ยังเป็นเครื่องมือในการสร้างขวัญและกำลังใจ เป็นการเสี่ยงทายถึงความอุดมสมบูรณ์ของพืชผลในปีนั้นๆ “ปีนี้ทำนาเสร็จแล้วจะมีฝนหรือมีอะไรสมบูรณ์ไหม” คือคำถามที่อยู่ในใจของชาวนาทุกคน ความเชื่อนี้ฝังรากลึกถึงขนาดที่ว่าหากหลงลืมหรือไม่ประกอบพิธี อาจส่งผลให้ข้าวไม่งาม หรือคนในครอบครัวเจ็บป่วยได้ เพราะเชื่อว่าที่ไร่ที่นามีเทวดาคุ้มครองอยู่ และการไม่บูชาอาจนำมาซึ่งโทษได้
ขั้นตอนและเครื่องเตรียมการ: ความพิถีพิถันอันเรียบง่าย
การเตรียมพิธีจับเดิมปูจเริ่มต้นขึ้นในช่วงเดือนหก โดยมีขั้นตอนและเครื่องประกอบที่เปี่ยมไปด้วยความหมายเชิงสัญลักษณ์:
- การสร้างลานพิธี: ผู้ชายจะเหลาไม้ไผ่ 4 ต้น ให้มี 7 ขั้น แล้วนำมาตั้งเป็นเสา ใช้กระดานปูเป็นพื้น ก่อนจะนำก้อนดินมาวางไว้ ซึ่งหมายถึงการอัญเชิญพระแม่โพสพขึ้นมาประทับบนลาน
- สัญลักษณ์แทนต้นข้าว: มีการนำไม้ไผ่ที่เหลาไว้มาทำเป็นสัญลักษณ์แทนต้นข้าว และใช้ไม้ไผ่ดัดเป็นวง 7 วงคล้องไว้ เพื่อสมมติให้เป็นรวงข้าว
- เครื่องเซ่นไหว้: ผู้หญิงจะเตรียมของไหว้หลากหลายชนิด ทั้งของคาวหวาน เช่น ไก่ต้ม, ข้าวต้มมัด, เหล้ายาปลาปิ้ง พร้อมด้วยดอกไม้ธูปเทียน และผ้าถุงสวยงามสำหรับเซ่นไหว้ตายาย
- ต้นกล้าเรียกขวัญ: สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการเตรียมต้นกล้า เพื่อนำมาทำพิธีเรียกขวัญก่อนจะนำไปปักดำจริงในผืนนา
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว พิธีจะเริ่มด้วยการเซ่นไหว้ผีบ้านผีเรือนและบรรพบุรุษที่บ้านก่อน จากนั้นจึงเดินทางไปยังศาลพระภูมิและที่นา ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีหลัก
การเสี่ยงทาย: อ่านอนาคตผ่านคางไก่และการปักดำ
หัวใจสำคัญของพิธีจับเดิมปูจคือการเสี่ยงทายอนาคตของการเพาะปลูก ซึ่งมีสองวิธีหลักด้วยกัน:
- การดูคางไก่: หลังจากเซ่นไหว้ที่นาแล้ว จะมีการนำคางไก่ที่ต้มไว้มาทำนาย ลักษณะของคางไก่จะสามารถบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของข้าวในปีนั้นได้ หากคางไก่มีลักษณะโค้งงอสวยงามเหมือนรวงข้าวที่โน้มลง หมายความว่าปีนั้นข้าวจะเมล็ดเต็มรวง ได้ผลผลิตดี แต่หากส่วนใบสวยงามเกินไป อาจหมายถึงต้นข้าวจะงามเพียงใบแต่ไม่ออกรวง
- การปักดำเสี่ยงทาย: หลังเสร็จสิ้นพิธีเซ่นไหว้ ผู้นำครอบครัวซึ่งมักเป็นผู้ชาย จะพาสมาชิกในครอบครัวลงนาเพื่อทำการปักดำต้นกล้าเป็นจำนวน 7 ปัก ต้นกล้าทั้งเจ็ดปักนี้จะเป็นตัวแทนของข้าวทั้งผืนนา หากเจริญงอกงามดี ก็เชื่อว่าข้าวในที่นาทั้งหมดจะสวยงามเช่นเดียวกัน
เสียงสะท้อนจากคนสองรุ่น: ความท้าทายในการสืบสาน
แม้จะเป็นประเพณีที่งดงามและมีความหมาย แต่ “จับเดิมปูจ” กำลังเผชิญกับความท้าทายจากคนรุ่นใหม่ที่มองว่าพิธีกรรมเหล่านี้เป็นเรื่องไกลตัว ผู้ใหญ่ในชุมชนหลายคนแสดงความกังวลว่าประเพณีนี้อาจเลือนหายไปกับกาลเวลา “กลัวเหมือนกันว่ารุ่นลูกรุ่นหลานนี่ มันจะไม่ทำตามพ่อแม่เพราะว่าคนรุ่นใหม่เขาจะคิดว่ามันเป็นสิ่งไร้สาระ”
อย่างไรก็ตาม ยังมีความพยายามอย่างยิ่งยวดจากคนในชุมชนที่จะ “สืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันนี้น่ะเอาไว้” โดยการสอนและปลูกฝังให้ลูกหลานได้เห็นความสำคัญ พาพวกเขาเข้าร่วมพิธี เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้รับรู้ว่าบรรพบุรุษทำอะไรบ้างก่อนจะลงมือทำนา เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว นี่ไม่ใช่แค่พิธีกรรม แต่คือการระลึกถึงบุญคุณของบรรพชน คือการสร้างความสามัคคีในชุมชน และคือการทำแล้ว “สบายใจ” ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณของชาวนาทุกคน
ประเพณีจับเดิมปูจจึงเป็นมากกว่าแค่ความเชื่อ แต่เป็นกุศโลบายที่เชื่อมโยงคนจากรุ่นสู่รุ่น สร้างกำลังใจให้ชาวนา และตอกย้ำถึงความเคารพที่มนุษย์มีต่อผืนดินและธรรมชาติที่เกื้อกูลชีวิต การจะรักษาประเพณีนี้ไว้ได้จึงไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่คือการร่วมมือร่วมใจของทุกคนในชุมชนที่จะต้องช่วยกันสืบทอดจิตวิญญาณแห่งท้องนานี้ต่อไป

 
		